tickle ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า tickle ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ tickle ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า tickle ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง คัน, กระตุ้น, จักจี้ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า tickle

คัน

verb

Pepperland is a tickle ofjoy on the blue belly of the universe.
เปเปอแลนด คือคันของความสุข

กระตุ้น

verb

But now I shall bring you food guaranteed to tickle even your most talented taste buds.
แต่ตอนนี้ผมขอเสิร์ฟอาหาร ที่ประกันว่าจะกระตุ้นต่อมลิ้มรสทุกส่วน

จักจี้

adjective

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

That tickles!
คันมากเลย
Such teaching calls to mind what the Bible foretold: “There will be a period of time when they will not put up with the healthful teaching, but, in accord with their own desires, they will accumulate teachers for themselves to have their ears tickled.” —2 Timothy 4:3.
คํา สอน เช่น นั้น ทํา ให้ นึก ถึง สิ่ง ที่ คัมภีร์ ไบเบิล พยากรณ์ ไว้ ว่า “จะ มี เวลา หนึ่ง ที่ เขา จะ ไม่ รับ คํา สอน อัน ให้ เกิด ปกติ สุข, แต่ เขา จะ รวบ รวม ครู ไว้ มาก ๆ เพื่อ จะ ให้ ยอน หู ของ เขา ให้ สม กับ ความ อยาก ของ เขา.”—2 ติโมเธียว 4:3.
Back then, people from Tickle Head were strong, dignified, brave.
ตอนนั้น ชาวทิคเกิลเฮดเข้มแข็ง, มีศักดิ์ศรี, กล้าหาญ.
You can tickle the rug.
คุณสามารถดึงพรม
Ladies and gentlemen, I am pleased to announce that a doctor is comin to Tickle Head for one month.
ทุกท่าน ฉันยินดีที่จะประกาศว่า จะมีหมอมาอยู่ที่ทิคเกิลเฮด 1 เดือน
Rather than sounding a warning against the dangers of following the unscriptural trends of the world, they have become teachers who do their best to ‘tickle the ears’ of their listeners in order to win adherents.
แทน ที่ จะ เตือน ผู้ คน ถึง อันตราย ของ การ ติด ตาม ความ นิยม ของ มนุษย์ ซึ่ง ไม่ เป็น ไป ตาม หลัก พระ คัมภีร์ พวก เขา กลาย เป็น ครู ที่ พยายาม สุด ความ สามารถ เพื่อ จะ ‘สอน เรื่อง ที่ ผู้ คน ชอบ ฟัง’ เพื่อ ให้ คน ติด ตาม มาก ๆ.
It tickles!
มันจั๊กจี้นะ
“There will be a period of time,” he wrote, “when they will not put up with the healthful teaching, but, in accord with their own desires, they will accumulate teachers for themselves to have their ears tickled; and they will turn their ears away from the truth, whereas they will be turned aside to false stories.” —2 Timothy 4:3, 4.
ท่าน เขียน ว่า “จะ มี ช่วง เวลา หนึ่ง ที่ เขา จะ ไม่ ยอม รับ ฟัง คํา สอน ที่ ก่อ ประโยชน์ แต่ ตรง กับ ความ ปรารถนา ของ เขา เอง เขา จะ รวบ รวม ครู ไว้ สําหรับ ตน เอง ที่ จะ ให้ ยอน หู ของ ตน; และ เขา จะ บ่าย หู จาก ความ จริง แต่ แล้ว เขา จะ หัน ไป ยัง เรื่อง เท็จ.”—2 ติโมเธียว 4:3, 4, ล. ม.
Tickling a parson's nose as'a lies asleep, Then dreams he of another benefice:
การกระตุ้นจมูกของบาทหลวงเป็น ́นอนหลับอยู่แล้วเขาจากตําแหน่งพระสอนศาสนาอื่นฝัน:
That marker tickles.
จั๊กจี้จังค่ะ
Foretelling this, the apostle Paul said: “There will be a period of time when they will not put up with the healthful teaching, but, in accord with their own desires, they will accumulate teachers for themselves to have their ears tickled.” —2 Timothy 4:3.
อัครสาวก เปาโล บอก ล่วง หน้า ว่า “จะ มี ช่วง เวลา หนึ่ง ที่ เขา จะไม่ ยอม รับ ฟัง คํา สอน ที่ ก่อ ประโยชน์ แต่ ตรง กับ ความ ปรารถนา ของ เขา เอง เขา จะ รวบ รวม ครู ไว้ สําหรับ ตน เอง ที่ จะ ให้ ยอน หู ของ ตน.”—2 ติโมเธียว 4:3, ล. ม.
Don't tickle me!
อย่าจักจี้ชั้น!
When religious leaders excuse sin, deny its existence, and ‘tickle’ the ears of their congregants by telling them what they want to hear instead of what the Bible says, they are doing people a grave disservice.
เมื่อ ผู้ นํา ทาง ศาสนา ยอม ให้ กับ การ ทํา บาป, ปฏิเสธ ความ จริง เกี่ยว กับ บาป, และ สอน แต่ สิ่ง ที่ สมาชิก อยาก ฟัง แทน ที่ จะ สอน ว่า คัมภีร์ ไบเบิล บอก อะไร พวก เขา กําลัง ทํา ให้ ผู้ คน ได้ รับ ความ เสียหาย อย่าง ใหญ่ หลวง.
Well, you live in Tickle Head.
คุณอยู่ในทิคเกิลเฮด
They's all such a twitch-tickling problem to me all my life.
พูดผิดเป็นปัญหายุ่งเหยิงตลอดชีวิต
It tickles.
มันจั๊กจี้ครับ
And then we're going to track that with a computer and use it to control another robot, which is going to tickle their palm with another stick.
และเราใช้คอมพิวเตอร์ติดตาม และใช้ข้อมูลเอาไปควบคุมหุ่นอีกตัว ให้จั๊กจี้ฝ่ามือของพวกเขาด้วยแท่งอีกแท่ง
It is a creed that tickles people’s ears.
นี่ เป็น หลัก ข้อ เชื่อ ที่ ผู้ คน ชอบ.
Don't tickle me!
อย่าจั๊กจี้!
It's been known for a long time, you can't tickle yourself as well as other people can.
เรารู้กันมานมนานแล้วว่า เราจั๊กจี้ตัวเองไม่ได้ ต้องเป็นคนอื่นทํา
Tickle us with your toes?
หรือจั็กจี้เราด้วยนิ้วโป้งของนาย
He tickled me, if that's what you mean.
เขาจักกะจี๋ฉัน ถ้าหมายถึงอย่างงั้น
Because the tickle sensation on the palm comes and goes, you need large numbers of subjects with these stars making them significant.
เพราะว่าความรู้สึกจั๊กจี้ที่มือ มาแล้วก็ไป ต้องใช้ผู้ทดลองจํานวนมาก กับดอกจันเหล่านี้ เพื่อทําให้ค่ามีนัยสําคัญ
Concerning professed Christians, Paul wrote: “There will be a period of time when they will not put up with the healthful teaching, but, in accord with their own desires, they will accumulate teachers for themselves to have their ears tickled; and they will turn their ears away from the truth.” —2 Timothy 4:3, 4.
เกี่ยว กับ คน ที่ อ้าง ว่า เป็น คริสเตียน เปาโล เขียน ว่า “จะ มี เวลา หนึ่ง ที่ เขา จะ ไม่ รับ คํา สอน อัน ให้ เกิด ปกติ สุข, แต่ เขา จะ รวบ รวม ครู ไว้ มาก ๆ เพื่อ จะ ให้ ยอน หู ของ เขา ให้ สม กับ ความ อยาก ของ เขา และ เขา จะ บ่าย หู จาก ความ จริง.”—2 ติโมเธียว 4:3, 4.
I'm not used to being tickled.
ฉันไม่คุ้นกับการถูกจั๊กจี๋

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ tickle ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

คำที่เกี่ยวข้องของ tickle

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว